ละอองเพชร แสงพราว
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ละอองเพชร แสงพราว เป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงเสียงดี ที่อยู่ในวงการมายาวนานหลายสิบปี โดยแม้จะอยู่ในวัยเกือบ 80 ปี ก็ยังเคยถูกเรียกตัวให้มาผลิตผลงานเพลงประดับวงการเพลงลูกทุ่ง ส่วนผลงานเพลงที่ออกมาก่อนหน้านั้น บางเพลงก็เป็นเพลงระดับอมตะ แต่ตัวเธอเองกลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของแฟนเพลง จนได้ชื่อว่านักร้องอาภัพตัวจริงอีกคนของวงการลูกทุ่งไทย ละอองเพชร แสงพราว โด่งดังอย่างมากจากเพลง „บวชพระดีแน่“
ประวัติ
[แก้]ละอองเพชร แสงพราว เป็นชาว อ.ครบุรี จ. นครราชสีมา เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งด้วยการเข้ามาเป็นนักร้องในวงลูกทุ่งของจำรัส สุวคนธ์น้อย เมื่อราวปี 2507 ด้วยค่าตัว 20 บาท หลังจากออกจากวงจำรัส สุวคนธ์น้อย ก็กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดระยะหนึ่ง ก่อนจะไปสมัครเป็นนักร้องในวง “รวมดาวกระจาย”ของครูสำเนียง ม่วงทอง ซึ่งในยุคนั้นมีนักร้องดังมากมาย ทั้ง ไพรวัลย์ ลูกเพชร , ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย , ผ่องศรี วรนุช , ก้าน แก้วสุพรรณ , ศักดิ์ โกศล , วิภารัตน์ เปรื่องสุวรรณ และ เตือนใจ บุญพระรักษา
ละอองเพชร แสงพราว วนเวียนไปหาครูสำนียง ม่วงทองอยู่ 4 ครั้ง แต่ก็ไม่พบ ครั้นถึงครั้งที่ 5 แม้จะได้พบ แต่ครูสำเนียง ม่วงทอง ก็ทดสอบความสามารถของเธอโดยการให้ขึ้นร้องจริงต่อหน้าผู้ชมในการเปิดการแสดงที่วัดพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี และบอกว่าการจะรับเข้าร่วมวงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินของคนในวง และหลังจากที่เธอขึ้นร้องเพลง “ แหล่มัทรี” และได้รับการปรบมือให้กำลังใจจากผู้ชมอย่างมาก ครูสำเนียง ม่วงทอง จึงตกลงรับเธอเข้าร่วมวง โดยให้ทำทั้งหน้าที่ทั้งร้องและเต้นหางเครื่อง และได้ค่าตัวเพิ่มจากวงก่อน 40 บาท
บันทึกเสียง
[แก้]ด้วยความสามารถในการร้องเพลงได้ทุกแนว ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุง ประกอบความขยันขันแข็งในการฝึกร้องเพลงทุกวัน ทำให้ครูสำเนียง ม่วงทอง พาเข้าห้องบันทึกเสียง และร้องเพลงแก้กับ วิโรจน์ เพชรเมืองกาญจน์ 4 เพลง ชื่อ„เปเป้“ , „ ชอบสั้นย่ะ “ , „ กลัวช่วยไม่ได้ “ และ“เบื่อหมอดู” ซึ่งปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจแฟนเพลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 เพลงแรก ที่ถูกใช้เป็นเพลงประกอบละครสั้นหน้าเวที
ละอองเพชร แสงพราว อยู่กับวงนานถึง 10 ปี คือจวบจนวันสุดท้ายของวง „ รวมดาวกระจาย “ ในปี 2516 แต่ด้วยความที่อยากเป็นนักร้องบันทึกแผ่นต่อ เธอก็จึงยังไม่ทิ้งครูสำเนียง ม่วงทองไปไหน หากแต่เสนอตัวช่วยงานครูด้วยความภักดี ตอนนั้นครูสำเนียง ม่วงทองมีร้านขายข้าวแกงอยู่ที่ท่าพระจันทร์ เธอก็ไปช่วยล้างงานและขายข้าวแกง จนได้ร้องเพลง „ อาลัยรัก “ ของโผผิน พรสุพรรณ และเพลง“ไฮโล” แก้กับไวพจน์ เพชรสุพรรณ
ต่อมาห้างแผ่นเสียงดำริที่จะทำเพลงชุด „ ไวพจน์ลาบวช “ ครูสำเนียง จึงดันให้ละอองเพชร แสงพราวได้ร้องแก้ แม้ว่าทางนายทุนจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเธอเพราะว่าเป็นนักร้องที่ไม่ดัง แต่ก็ยอมตกลงเมื่อครูสำเนียง ม่วงทองออกมารับประกันคุณภาพน้ำเสียง
ละอองเพชร แสงพราวได้ร้อง 4 เพลงในชุดนี้ ประกอบด้วย “ บวชพระดีแน่” , “ทิดใหม่ใจร้อน “ , “ให้พี่บวชเสียก่อน “ และบวชก่อนเบียด” หลังชุดไวพจน์ลาบวช ออกมาได้ 2 ปี เพลงชุดนี้ก็จึงเริ่มโด่งดัง และเป็นที่นิยมเรื่อยมา จนกลายมาเป็นเพลงประจำของเทศกาลลาบวชมาจนถึงทุกวันนี้ แต่กระนั้น เธอก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักจวบจนถึงปัจจุบันเช่นกัน
เจ้าตัวบอกว่าได้ค่าเหนื่อยจากผลงานเพลงชุดนี้ 2 พันบาท และได้แบ่งให้ครูสำเนียง ม่วงทอง 1 พันบาท แต่เธอก็มีงานป้อนเข้ามาบ้างเมื่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ ขาดคนทำขวัญ ก็จะมาตามตัวเธอไปทำงานบ้างเป็นครั้งคราว
ปี 2548 ทางแกรมมี่ ทำเพลงบวชให้ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ชุด “ ฝากไว้ในแผ่นดิน “ ละอองเพชร แสงพราว ก็ได้ร้องเพลงหนึ่งชื่อ “ เตรียมงานบวช “ จากนั้นก็ไม่ได้ร้องเพลงอีกเลย
ปัจจุบัน
[แก้]ปัจจุบัน ละอองเพชร แสงพราว ในวัย 76 ปี (ปี 2566) ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวย่านซอยเสรีไทย 2 ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก โดยมีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัว ส่วนสามีก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ตัวเธอมีรายได้จากการรับจ้างล้างจานอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่งซึ่งเป็น ของญาติ